ศาลปกครอง (administrative court) เป็นศาลชำนัญพิเศษด้านกฎหมายปกครอง โดยเฉพาะด้านข้อพิพาทเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐ จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจว่า ราชการเป็นไปตามกฎหมาย ตุลาการประจำศาลนี้มีเงินรายได้รวมอยู่ที่ระหว่าง 91, 860 บาท ถึง 129, 220 บาท(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย) 4. สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นสำนักงานส่วนราชการขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่อำนวยความยุติธรรม รักษาผลประโยชน์ของรัฐ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และมีหน้าที่อื่นๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่น เป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้บุคคล หรือพรรคการเมืองใดเลิกการกระทำ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, มีอำนาจฟ้องคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง, ประสานงานในการให้ความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ หรือขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศ ในเรื่องทางอาญา ฯลฯ(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย) 5. คณะกรรมการกฤษฎีกา ในตำแหน่งนักกฎหมายกฤษฎีกา ระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าด้วยการกําหนดตําแหน่งนักกฎหมายกฤษฎีกา พ. ศ.
ที่ปรึกษากฎหมาย รายได้ที่ได้รับ: ค่าตอบแทนไม่มีข้อกำหนดที่แน่นอนตายตัว อัตราค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยประมาณเดือนละ 50, 000 – 100, 000 บาท 3. รายได้ที่ได้รับ: เงินเดือนเเละเงินประจำตำเเหน่งตามชั้นเงินเดือนจากชั้นที่ 1 จนถึงชั้นที่ 8 อัยการสูงสุดจะได้รับเงินเดือนๆ ละ 62, 000 บาท และเงินประจำตำแหน่งชั้น 8 เดือนละ 42, 500 บาท ลงมาถึงอัยการผู้ช่วยจะได้รับเงินเดือนชั้นที่ 1 โดยไม่มีเงินประจำตำแหน่งในอัตราเดือนละ 14, 850 บาท 4. ผู้พิพากษา รายได้ที่ได้รับ: ผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาประจำศาลถึงอธิบดีผู้พิพากษา (ศาลชั้นต้น) จะมีอัตราเงินเดือน 21, 800 – 57, 190 บาท ศาลฎีกาถึงรองประธานศาลฎีกาจะมีอัตราเงินเดือน 57, 190 - 62, 000 บาท ผู้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาจะมีอัตราเงินเดือน 64, 000 บาท และมีเงินประจำตำแหน่ง 50, 000 บาท 5. ข้าราชกาลครู รายได้ที่ได้รับ: ข้าราชการครู ขั้นสูง คศ. 5 เงินเดือน 66, 480 บาท ข้าราชการครูผู้ช่วย ขั้นต่ำชั่วคราว เงินเดือนเริ่มที่ 7, 940 บาท 6. ข้าราชกาลทหาร รายได้ที่ได้รับ: ข้าราชการทหาร ระดับนายพล ระดับ น. 9 ชั้น 9. 5 เงินเดือน 70, 930 บาทต่ำสุด ระดับ 1 พ. 1 -ระดับ 25 เงินเดือน 1, 360- 6, 050 บาท
ทนายความ: อาชีพทนายความเป็นอาชีพที่มีคนนิยมทำกันมาก เพราะเป็นอาชีพที่ สามารถทำรายได้ดี และเป็นอาชีพที่มีเกียรติ โดยผู้ที่เป็นทนายความสามารถทำงานมีเงินเดือนประจำขึ้นอยู่กับความสามารถประสบการณ์ และประเภทของหน่วยงานที่ทำงาน 2. ที่ปรึกษากฎหมาย: ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่หน่วยงาน ห้างร้าน ธุรกิจ ภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องด้วยปัจจุบันและอนาคตการมีข้อพิพาทต่าง ๆ ทั้งทางด้านธุรกิจ ด้านกฎหมายระหว่างประเทศจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดจนถึงข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับภาครัฐ เอกชนกับเอกชนจะเกิดขึ้นบ่อย 3. อัยการ: มีหน้าที่ดังนี้ 3. 1 งานอำนวยความยุติธรรมทางอาญา เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลและคานอำนาจการใช้ดุลพินิจทั้งของพนักงานสอบสวนและศาลเพื่อให้เป็นไปอย่างถูกต้องชอบธรรม 3. 2 งานด้านคดีอาญาระหว่างประเทศ ในกรณีคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการร่วมมือกับต่างประเทศในการสอบสวนและอื่นๆ 3. 3 งานด้านรักษาผลประโยชน์ของรัฐ ให้คำแนะนำปรึกษาหารือปัญหาข้อกฎหมาย แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 3. 4 งานด้านคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน รับหน้าที่ในคดีที่ราษฎรไม่อาจเป็นโจทก์ฟ้องร้องคดีได้โดยมีกฎหมายห้ามไว้ เมื่อพนักงานอัยการเห็นสมควรก็จะดำเนินคดีแทนให้ 3.
คุณสมบัติเบื้องต้นของ "นักกฎหมายดีเด่น" มีดังต่อไปนี้ 1. ) ต้องสำเร็จการศึกษากฎหมายในระดับปริญญาตรีขึ้นไป 2. ) มีผลการปฏิบัติงานด้านกฎหมายดีเด่น 3. ) มีคุณภาพเป็นที่เชื่อถือ และยอมรับโดยทั่วไป 4. ) ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย 5. ) มีความซื่อสัตย์สุจริต 6. ) มีความรู้-ความสามารถด้านกฎหมาย 7. ) นำวิชากฎหมายไปใช้ต่อสังคมอย่างเป็นผู้มีสำนึกดี 8. ) มีจริยธรรม และมีคุณธรรม 9. ) มีผลงานสะท้อนให้เห็นถึงความวิริยะ อุตสาหะ 10. ) ตลอดจนมีความเสียสละ 11. )
5 งานตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง 4. ผู้พิพากษา: ตรวจคำคู่ความซึ่งยื่นต่อศาลเพื่อสั่งรับหรือไม่รับหรือให้ทำใหม่หรือให้แก้ไขเพิ่มเติมควบคุมการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี ออกข้อกำหนดเพื่อรักษาความ เรียบร้อยในบริเวณศาลและเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม และ รวดเร็ว ออกหมายเรียก ออกหมายอาญา ออกหมายสั่งให้ส่งคนมาจาก หรือไปยังจังหวัดอื่นหรือออกคำสั่งใด ๆ ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องหรือคำขอไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ 5. ข้าราชกาลครู: อาชีพที่ ถ่ายทอดความรู้ ด้วยวิธีการสอนและการจัดการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของตนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอาชีพครู สามารถจำแนกออกได้หลายประเภทตามลักษณะการสอนและลักษณะของสังกัด 6. ข้าราชกาลทหาร: อาชีพทหาร คือ อาชีพรั่วของชาติ มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติให้คงอยู่ ค่อยตรวจสอบความสงบเรียบร้อยตามบริเวณชายแดน และป้องปราบชาติอื่น ๆ ไม่ให้รุกรานอาชีพทหารเป็นอาชีพที่เสียสละเพื่อบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ให้ผู้ได้มารุกรานชาติบ้านเมือง รายได้ของแต่ละอาชีพ 1. ทนายความ รายได้ที่ได้รับ: 8, 500 – 100, 000 บาท ตามงานที่ได้รับ 2.
ปรับเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ และ 3. ปรับเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง โดยมีความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก. พ. ) ได้เสนอให้ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนในปีงบประมาณ 2558 ในอัตรา 8% โดยเทียบเคียงจากดัชนีราคาผู้บริโภคปีปัจจุบันที่อยู่ระดับ 7. 2% จึงมีแนวโน้มสูงว่า การปรับขึ้นเงินเดือนครั้งใหม่ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 เมษายน 2558 จะมีกลุ่มข้าราชการ ลูกจ้าง และข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ได้รับประโยชน์รวม 2. 7 ล้านคน ประกอบด้วย ข้าราชการ 1. 7 ล้านคน ลูกจ้างประจำ 1. 61 แสนคน พนักงานราชการ 2. 19 แสนคน ข้าราชการเกษียณที่รับเบี้ยหวัดบำนาญอีก 6. 12 แสนคน ตัวเลขของกรมบัญชีกลาง ประเมินว่าในปัจจุบันค่าใช้จ่ายเงินเดือนอยู่ที่เดือนละ 58, 500 ล้านบาท ใช้งบทั้งปี 7. 02 แสนล้านบาท หากมีการเริ่มจ่ายเงินเดือนในงวดวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยปรับขึ้น 8% จะใช้เงินปีละ 56, 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา คสช. ได้อนุมัติเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ชคบ. ) สำหรับผู้ที่ได้รับต่ำกว่าเดือนละ 9, 000 บาท โดยให้ปรับเพิ่มให้ครบ 9, 000 บาท มีข้าราชการได้รับเงินจำนวนนี้ 70, 000 คน โดยใช้งบประมาณเพิ่มปีละ 151 ล้านบาท มีผลตั้งแต่ 10 กรกฎาคม 2557 และมีการอนุมัติเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวแก่ข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม โดยใช้งบประมาณกลางปี 2557 จำนวน 390 ล้านบาท จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2557 นอกจากนี้ คสช.
ปรับเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง โดยมีความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก. พ. ) ได้เสนอให้ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนในปีงบประมาณ 2558 ในอัตรา 8% โดยเทียบเคียงจากดัชนีราคาผู้บริโภคปีปัจจุบันที่อยู่ระดับ 7. 2% จึงมีแนวโน้มสูงว่า การปรับขึ้นเงินเดือนครั้งใหม่ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 เมษายน 2558 จะมีกลุ่มข้าราชการ ลูกจ้าง และข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ได้รับประโยชน์รวม 2. 7 ล้านคน ประกอบด้วย ข้าราชการ 1. 7 ล้านคน ลูกจ้างประจำ 1. 61 แสนคน พนักงานราชการ 2. 19 แสนคน ข้าราชการเกษียณที่รับเบี้ยหวัดบำนาญอีก 6. 12 แสนคน ตัวเลขของกรมบัญชีกลาง ประเมินว่าในปัจจุบันค่าใช้จ่ายเงินเดือนอยู่ที่เดือนละ 58, 500 ล้านบาท ใช้งบทั้งปี 7. 02 แสนล้านบาท หากมีการเริ่มจ่ายเงินเดือนในงวดวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยปรับขึ้น 8% จะใช้เงินปีละ 56, 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา คสช. ได้อนุมัติเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ชคบ. ) สำหรับผู้ที่ได้รับต่ำกว่าเดือนละ 9, 000 บาท โดยให้ปรับเพิ่มให้ครบ 9, 000 บาท มีข้าราชการได้รับเงินจำนวนนี้ 70, 000 คน โดยใช้งบประมาณเพิ่มปีละ 151 ล้านบาท มีผลตั้งแต่ 10 กรกฎาคม 2557 และมีการอนุมัติเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวแก่ข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม โดยใช้งบประมาณกลางปี 2557 จำนวน 390 ล้านบาท จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2557 นอกจากนี้ คสช.
กระทู้คำถาม โดยเฉพาะอาชีพผู้พิพากษาและที่ปรึกษากฎหมายในลอว์เฟิร์ม เงินเดือนเริ่มต้น ความก้าวหน้า และ ภาระงานเป็นอย่างไรบ้างครับ 0 แสดงความคิดเห็น คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ กระทู้ที่คุณอาจสนใจ