2 พืชไร่ หมายถึง พืชที่ปลูกโดยใช้เนื้อที่มาก มีการเจริญเติบโตเร็ว ไม่ต้องการดูแลรักษามากเหมือนพืชสวน ส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก มีอายุตั้งแต่ 2 เดือน ถึง 1 ปี หรือมากกว่า ผลผลิตของพืชไร่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของคนไทย โดยใช้บริโภคเป็นอาหารหลัก และส่งเป็นสินค้าออกจัดเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสามารถนำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมากเช่น ข้าว ข้าวโพด อ้อย ถั่วต่างๆ ยาสูบ ฝ้าย มันสำปะหลัง เป็นต้น 2. การเลี้ยงสัตว์ มีการเลี้ยงมานานแล้ว โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ตามชนบท นอกจากจะประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ แล้วมักจะเลี้ยงสัตว์ควบคู้ไปด้วยเพื่อใช้เป็นอาหาร แรงงาน ในการเพาะปลูก การขนส่ง และเพื่อแก้เหงา ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ในแง่การใช้แรงงานลดน้อยลง แต่จะมีบทบาทมากในแง่ของการเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหารเนื่องจากผู้บริโภคนิยมบริโภคเนื้อสัตว์กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังสามารถส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย วัตถุประสงค์ของการเลี้ยงสัตว์ แบ่งออกได้ดังนี้ 1. เพื่อไว้ใช้บริโภค 2. เพื่อไว้ใช้แรงงาน 3. เพื่อประกอบอาชีพ 4. เพื่อเสริมรายได้ 5. เพื่อใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทำเครื่องนุ่งห่มของใช้และรักษาโรค 6. เพื่อความสวยงามและความเพลิดเพลิน 7.
ประเภทของการเกษตร แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1. การปลูกพืช มีหลายชนิด โดยลักษณะธรรมชาติของพืชแต่ล่ะชนิดก็แตกต่างกันไป ซึ่งนักวิชาการเกษตรได้แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น วิธีการปลูก ดูแลรักษา นำไปใช้ประโยชน์ สำหรับในระดับชั้นนี้ได้จัดแบ่งลักษณะการปลูกและดูแลรักษาเป็น 3 ชนิด ได้แก่ 1. 1 พืชสวน หมายถึง พืชที่ปลูกในเนื้อที่น้อย สามารถให้ผลตอบแทนสูง ต้องการดูแลรักษามาก 1. 2 พืชไร่ หมายถึง พืชที่ปลูกโดยใช้เนื้อที่มาก มีการเจริญเติบโตเร็ว ไม่ต้องการดูแลรักษามากเหมือนพืชสวน ส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก มีอายุตั้งแต่ 2 เดือน ถึง 1 ปี หรือมากกว่า ผลผลิตของพืชไร่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของคนไทย โดยใช้บริโภคเป็นอาหารหลัก และส่งเป็นสินค้าออกจัดเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสามารถนำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมากเช่น ข้าว ข้าวโพด อ้อย ถั่วต่างๆ ยาสูบ ฝ้าย มันสำปะหลัง เป็นต้น 2. การเลี้ยงสัตว์ มีการเลี้ยงมานานแล้ว โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ตามชนบท นอกจากจะประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ แล้วมักจะเลี้ยงสัตว์ควบคู้ไปด้วยเพื่อใช้เป็นอาหาร แรงงาน ในการเพาะปลูก การขนส่ง และเพื่อแก้เหงา ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์ในแง่การใช้แรงงานลดน้อยลง แต่จะมีบทบาทมากในแง่ของการเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหารเนื่องจากผู้บริโภคนิยมบริโภคเนื้อสัตว์กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังสามารถส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย วัตถุประสงค์ของการเลี้ยงสัตว์ 3.
2 สารกำจัดวัชพืชที่มีพิษทำลายไม่เลือก คือ พาราควอท ส่วนที่มีพิษทำลายเฉพาะ คือ พวก แอทราซิน 3. สารกำจัดเชื้อรา มีอยู่หลายกลุ่มมาก บางชนิดมีพิษน้อย แต่บางชนิดมีพิษมาก 4. สารกำจัดหนูและสัตว์แทะ สารกำจัดหนูและสัตว์แทะที่นิยมใช้กัน ส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด สารเคมีทางการเกษตรสามารถเข้าสู่ทางร่างกายได้ 3 ทาง ได้แก่ 1. ทางผิวหนัง -โดยการดูดซึมเข้าทางผิวหนัง 2. ทางการหายใจ -โดยการสูดดม 3. ทางปาก -โดยการกิน สามารถป้องกันสารเคมีได้โดย 1. ก่อนทำการฉีดพ่นควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด 2. อย่าฉีดพ่นสารเคมีในขณะที่มีลมแรงหรือฝนตก 3. ขณะทำการฉีดพ่นสารเคมีควรยืนอยู่เหนือลมเสมอเพื่อป้องกันสารเคมพัดเข้าหาตัวเอง 4. เก็บภาชนะบรรจุที่ใช้หมดแล้วไปทำลายอย่างปลอดภัย 5. ควรล้างมือล้างตัวอาบน้ำก่อนถอดเสื้อผ้าออกและให้รีบซักเสื้อผ้าที่ใส่ฉีดพ่นสารเคมีโดยเร็ว อ้างอิง
1. เพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตร 2. เพื่อควบคุมเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์ 3. เพื่อป้องกันกำจัดศัตรูพืชและศัตรูสัตว์ในโครงการขนาดใหญ่ 4. สะดวกสบาย 5. สามารถปฏิบัติได้ 6. หาได้ง่าย ผลกระทบจากการใช้สารเคมีต่อการเกษตร ผลดี ประกอบด้วยความสะดวกสบาย สามารถปฏิบัติได้ หาได้ง่าย และราคา เกษตรกรจึงใช้หลักการเดียวกันในการตัดสินใจดำเนินการจัดการ ถ้ามีทางเลือกมากทำไมเกษตรกรต้องใช้สารเคมีที่กล่าวถึงในการผลิตพืช เพราะว่าเกษตรกรต้องทำให้เกิด ความสมดุลของปัจจัยต่าง ๆ ในการผลิต ผลเสีย 1. แมลงพัฒนาภูมิต้านทานสารเคมี คือ แมลงศัตรูพืชก็จะเร่งการวิวัฒนาการให้สามารถต้านทานสารเคมีการเกษตรได้เร็วขึ้นด้วย 2. การทำลายสมดุลของระบบนิเวศ คือ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศการเกษตร โดยเฉพาะแมลงที่เป็นประโยชน์ ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมศัตรูพืช หรือแมลงผสมเกษตร ก็จะได้รับผลกระทบจากสารเคมีการเกษตรด้วยเช่นกัน 3. การสะสมของสารเคมีในห่วงโซ่อาหาร คือ สารเคมีมักจะแพร่กระจายออกไปในสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในระบบนิเวศอย่างกว้างขวาง ผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ได้รับพิษจากสารเคมี มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานหรืออยู่ใกล้ชิดกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งมีโอกาศที่จะได้รับสารเคมีการเกษตรจากการสูดดมหรือสัมผัสโดยตรง ซึ่งอาการทางสุขภาพมี 2 อาการ คือ 1.
อย่างไรก็ตามดังที่ได้กล่าวมาแล้วในหลายกรณีคนที่ทำงานภายใต้รูปแบบนี้ได้สร้างวิธีการที่ทำงานได้ดีมากในพื้นที่ที่พวกเขามีขอบคุณประสบการณ์มากมายที่พวกเขาได้พัฒนาหรือสืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา ผู้ที่มีส่วนร่วมในงานเดียวกัน. ชนิด การเกษตรอพยพ เกษตรกรรมประเภทนี้มีการปฏิบัติบนที่ดินป่าไม้ พล็อตนี้จะถูกล้างด้วยการผสมผสานระหว่างการเฉือนและการเผาไหม้จากนั้นทำการเพาะปลูก. หลังจาก 2 หรือ 3 ปีความอุดมสมบูรณ์ของดินเริ่มลดลงที่ดินถูกทิ้งร้างและชาวนาย้ายไปทำความสะอาดที่ดินใหม่ในที่อื่น. ในขณะที่ที่ดินถูกทิ้งให้รกร้าง แต่ป่าก็เติบโตขึ้นอีกครั้งในพื้นที่โล่งและความอุดมสมบูรณ์ของดินและมวลชีวภาพกลับคืนมา หลังจากผ่านไปหนึ่งทศวรรษหรือมากกว่านั้นชาวนาสามารถกลับไปที่ผืนดินผืนแรกได้. รูปแบบของการเกษตรนี้มีความยั่งยืนที่ความหนาแน่นของประชากรต่ำ แต่ประชากรที่สูงขึ้นต้องการการล้างบ่อยขึ้นซึ่งจะช่วยป้องกันการฟื้นตัวของความอุดมสมบูรณ์ของดินและส่งเสริมวัชพืชในค่าใช้จ่ายของต้นไม้ขนาดใหญ่ ส่งผลให้การทำลายป่าและการพังทลายของดิน. เกษตรดั้งเดิม แม้ว่าเทคนิคนี้จะใช้การเฉือนและการเผาไหม้ แต่คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดคือมันถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ส่วนขอบ.
ด้าน รศ. ดร. ชวลิต ถิ่นวงศ์พิทักษ์ ผอ. โครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้ข้อมูลว่าโรงงานต้นแบบของมหาวิทยาลัย เป็นเสมือนโรงงานกลางที่เกษตรกร สตาร์ตอัพ และเอสเอ็มอี สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน และเป็นสถานที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตผลทางการเกษตร ผ่านการแปรรูปที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานรวมถึงสามารถต่อยอดจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้พื้นที่ภาคอีสานตอนล่างเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศได้ต่อไป เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ ผศ. ชุตินันท์ประสิทธ์ภูริปรีชา อธิการบดีที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีพัฒนาคุณภาพชีวิตและนวัตกรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของพื้นที่ และที่สำคัญ นี่คือโรงงานต้นแบบแห่งแรกของภาคอีสานที่สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร ดังนั้นจะเห็นว่าโรงงงานต้นแบบ ช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เป็นสินค้าที่เป็นไปตามความต้องการของตลาดได้ ตลอดจนสามารถผลิตสินค้าได้จริงและมีมาตรฐาน สร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการได้จริงอีกด้วย
อาการพิษเฉียบพลัน 2.